แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง

 

 

ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำอัมพวานับว่าเป็นจุดที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ การเที่ยวตลาดน้ำอัมพวานั้น สามารถทำได้ทั้งยามเช้าและเย็น ซึ่งจะให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศนิยมที่จะมาพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ ตลาดน้ำอัมพวาเปิดให้บริการในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 12.00-21.30 น.  อนึ่งตลาดน้ำอัมพวาอาจนับได้ว่าเป็นลักษณะของพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ซึ่งยังคงเก็บรักษารูปแบบอาคารกลางแจ้ง เป็นจุดสนใจสำหรับการท่องเที่ยวด้วย

ตลาดน้ำอัมพวา 

 

อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร.2)
จัดตั้งขึ้นในพื้นที่ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เพื่อ เป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นทั้งนักรบ นักปกครอง ศิลปิน กวี และช่าง ซึ่งได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามปราณีต ไว้ให้เป็นมรดกแก่ชาติเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวไทย และปรากฎพระเกียรติคุณแพร่หลายไปในนานาประเทศ จนได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก

อุทยาน ร.2

 

วัดเพชรสมุทร (วัดบ้านแหลม)
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เดิมชื่อ "วัดศรีจำปา" สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ตามตำนานเล่าว่า ในปี พ.ศ.2307 ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปา และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตน ชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า "วัดบ้านแหลม" ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร"
หลวงพ่อบ้านแหลมพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของคนทั่วไป เป็นพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ตามตำนานเล่าว่า ชาวประมงบ้านแหลมออกไปลากอวนในอ่าวแม่กลอง ได้พระพุทธรูปติดมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง อีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืน พระพุทธรูปนั่งได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ส่วนพระพุทธรูปยืนนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกกันว่า "หลวงพ่อบ้านแหลม"

วัดบ้านแหลม

 

วัดบางกะพ้อม
ตั้งอยู่ที่อำเภออัมพวา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ในบริเวณวัดมีสิ่งที่ควรชม คือ วิหารเก่า ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังนูน เป็นภาพเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ เป็นของเก่าแก่ที่สวยงามหาดูได้ยากมาก เรียงรายอยู่รอบผนังวิหารทั้ง 4 ด้าน และยังมีช่องเจาะเป็นซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองสี่รอย ซึ่งสร้างในสมัยกรุงธนบุรี เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางวิหารเดิมมีแผ่นเงินหุ้ม แต่ถูกขโมยไปเมื่อครั้งสงคราม ถึงกระนั้นที่รอยพระพุทธบาทรอยลึกที่สุดนั้นเป็นไม้ประดับมุก มีความงดงามมาก

วัดบางกระพ้อม

 

 

วัดจุฬามณี
ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองอัมพวาห่างจากตัวอำเภออัมพวาเพียง 2 กิโลเมตร เดิมเรียกว่า "วัดแม่ย่าทิพย์" สร้างมาแต่รัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา ตามประวัติเล่าว่าท้าวแก้วผลึก (น้อย) ซึ่งเป็นนายตลาดบางช้างเป็นผู้สร้างวัดจุฬามณีขึ้น บริเวณด้านหลังวัดห่างไป 5 เส้น เป็นนิวาสถานเดิมของท่านทองและท่านสั้น พระชนกและพระชนนีของสมเด็จพระอัมรินทร์ทรามาตย์ (นาก) พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 ซึ่งภายหลังถูกไฟไหม้ ครอบครัวของท่านจึงย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณวัดอัมพวันเจติยาราม อุโบสถวัดจุฬามณีเดิมสร้างจากไม้สักและไม้เนื้อแข็ง จนถึง พ.ศ. 2511 พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท) ได้เริ่มสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรม หลังจากหลวงพ่อเนื่องมรณภาพในปี พ.ศ.2530 พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (อิฏฐ ภททฺจาโร) ศิษย์เอกของหลวงพ่อเนื่อง ได้ดำเนินการสืบต่อจนแล้วเสร็จ

วัดจุฬามณี

 

 

วัดบางกุ้ง
ตั้งอยู่ หมู่4 ต.บางกุ้ง เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณ พ.ศ.2250-2300 เดิมมี 2 วัด คือ วัดบางกุ้งน้อยและวัดบางกุ้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือ มาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง โดยสร้างกำแพงค่ายโอบล้อม วัดบางกุ้งน้อยไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทหาร เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ.2310 นั้นค่ายบางกุ้งถูกพม่าตีแตก ต่อมาสมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดให้ทหารจีนมารักษา ค่ายไว้ จึงเรียกว่า ค่ายจีนบางกุ้ง
ใน พ.ศ. 2311 พม่ายกทัพเรือปล้นในเมืองสมุทรสงคราม ได้ล้อมตีค่ายบางกุ้งได้พยายามสู้รบอย่างเต็มที่ แต่มีกำลังน้อยกว่าถูกล้อมไว้เกือบเสียค่ายอยู่แล้ว พระเจ้าตากสินได้ทราบข่าวจึงเสด็จยกทัพเรือมาด้วยพระองค์เอง เสด็จโดยด่วนในเวลากลางคืนตีกองทัพพม่าพ่ายไป ตั้งแต่นั้นมาพม่าจึงไม่เคยยกทัพมาล่วงล้ำเมืองสมุทรสงครามอีกเลย
สิ่งที่น่าสนใจในวัด ได้แก่ อุโบสถหลังเก่า (โบสถ์ปรกโพธิ์) ตั้งอยู่บนเนินดินกลางค่าย แม้ใน ปัจจุบันจะชำรุดทรุดโทรมมากแต่ยังคงรูปอยู่ได้เนื่องจากมีต้นโพธิ์ ต้นไทรยึดไว้ ภายในโบสถ์ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ เรียกว่าหลวงพ่อนิล มณีศักดิ์ (ชาวบ้านเรียก กันติดปากว่าหลวงพ่อดำโบสถ์น้อย ) และยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ปัจจุบันเลือนลางไปบ้าง แต่ยังพอมองเห็น บริเวณข้างโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่หล่อด้วยโลหะ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณอายุประมาณ 400 ปี ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมมากแล้ว

วัดบางกุ้ง

 

วัดบางแคน้อย
ชมปฏิมากรรมอุโบสถไม้แกะสลักสามมิติที่หาชมได้ยาก ศิลปะที่ล้ำค่า แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง แกะสลักตกแต่งภายในที่วิจิตรบรรจงทั้ง 4 ด้าน ด้วยพระเจ้า 10 ชาติ และศิลปะการฝังไม้โมกมัน

วัดบางแคน้อย